SCB CIO มอง3 ปัจจัยหลักหนุนตลาดหุ้นเวียดนามฟื้นตัวต่อเนื่อง แนะทยอยลงทุน Valuation ยังต่ำ พร้อมโอกาสยกระดับเข้าตลาดเกิดใหม่
SCB CIO มองเศรษฐกิจเวียดนามปีนี้เดินหน้าเติบโตต่อเนื่อง จาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ การฟื้นตัวจากภาคส่งออก การลงทุนจากต่างประเทศแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการบริโภคภายในประเทศ พร้อมมาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการคลังช่วยหนุนเศรษฐกิจเวียดนามเติบโต รัฐบาลตั้งเป้าปีนี้ GDP โต 6.0 - 6.5% SCB CIO ได้ปรับมุมมองตลาดหุ้นเวียดนาม จาก Neutral สู่ Slightly Positive แนะทยอยสะสม คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และมีโอกาสถูกยกระดับเป็นตลาดเกิดใหม่ การลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ให้จัดอยู่ใน Opportunistic Portfolio เป็นพอร์ตส่วนเพิ่มเติมที่ลงทุนตามสถานการณ์ เนื่องจากตลาดหุ้นเวียดนามมีความผันผวนสูง จึงแนะนำลงทุนในสัดส่วนตามระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้
ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจเวียดนามมีแนวโน้มขยายตัวด้วยแรงหนุนจากภาคส่งออก และ เงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ที่ดีต่อเนื่อง โดยรัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าหมาย GDP ขยายตัว 6.0% - 6.5% และเป้าหมายอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 4.0% - 4.5% ซึ่ง SCB CIO มองว่า เศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) การฟื้นตัวของภาคการส่งออก 2) การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ ทางการเวียดนามมีแนวโน้มออกมาตรการช่วยเหลือบริษัทต่างๆ หลังการบังคับใช้ Global Minimum Tax (GMT) หรืออัตราภาษีขั้นต่ำสำหรับรายได้นิติบุคคล ทำให้บริษัทต่างชาติเริ่มคลายความกังวลและ 3) การบริโภคในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมี มาตรการผ่อนคลายทางการเงินและการคลัง เป็นแรงสนับสนุนสำคัญส่งเสริมเศรษฐกิจเวียดนามให้เติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย
สำหรับ ภาคอสังหาฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เพียงแต่ยังมีความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้อยู่ โดยภายหลังภาครัฐออกมาตรการช่วยเหลือต่างๆ รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการผ่อนผันการนัดชำระหนี้หุ้นกู้ภาคอสังหาฯ ออกไป 2 ปี ทำให้เรามองว่า กิจกรรมบนภาคอสังหาฯ มีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่ สภานิติบัญญัติเวียดนาม ผ่านร่างกฎหมาย Land law เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2567 เร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ช่วงเดือน มิ.ย. 2567 ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2568 โดยจะทำให้ผู้พัฒนาอสังหาฯ สามารถตกลงราคาซื้อขายที่ดินกับเจ้าของที่ดินได้โดยตรง ไม่ต้องให้ทางการเป็นผู้กำหนดค่าตอบแทน ช่วยหนุนให้บรรยากาศภาคอสังหาฯ เวียดนาม มีพัฒนาการที่ดีในระยะต่อไป
ในส่วนของกลุ่มธนาคารมีแนวโน้มได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่กลับสู่ขาขึ้น โดยธนาคารกลางเวียดนาม (SBV) ตั้งเป้าหมายสินเชื่อปีนี้เติบโต 15% แสดงถึงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ถึงแม้ว่าสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะอยู่ในระดับสูง แต่การก่อตัวของ stage 2 loan (สินเชื่อที่แสดงสัญญาณเบื้องต้นของความอ่อนแอในการชำระหนี้ แต่ยังไม่ถือว่าเป็น NPL) มีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ส่งผลให้การตั้งสำรองระยะต่อไปมีแนวโน้มลดลง และช่วยหนุนผลประกอบการธนาคารระยะต่อไป
ดร.กำพล กล่าวต่อไปว่า SCB CIO ได้ปรับมุมมองตลาดหุ้นเวียดนาม จาก Neutral สู่ Slightly Positive เนื่องจากแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น ตามการส่งออกที่คาดว่าจะฟื้นตัว FDI ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาคอสังหาฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งรัฐบาลผ่านร่างกฎหมาย Land law เอื้ออำนวยให้สภาพคล่องกลุ่มอสังหาฯ ปรับตัวดีขึ้น ส่วนธุรกิจธนาคารมีแนวโน้มได้รับอานิงสงส์จากเศรษฐกิจที่กลับสู่ขาขึ้น ขณะที่ Valuation ตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยมี Price to earning multiple (P/E) หรือราคาต่อกำไรต่อหุ้น ซื้อขายอยู่ที่ 10.1x ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ประมาณ -1 s.d. นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเวียดนามยังมีโอกาสถูกยกระดับเป็นตลาดเกิดใหม่ และมีแนวโน้มถูกดึงเข้าไปคำนวณบนดัชนี FTSE โดยหากสามารถยกเลิกระบบ pre-funding ที่บังคับให้นักลงทุนต่างชาติมีเงินสด 100% ของมูลค่าการซื้อขายในพอร์ท 1 วันก่อนการทำธุรกรรมสำเร็จ จะเพิ่มโอกาสในการถูกดึงเข้าไปคำนวณบน ดัชนี FTSE Emerging Market ได้ภายในปี 2567 ด้วย
ทั้งนี้ SCB CIO แนะนำให้ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามผ่านกองทุนที่มีกลยุทธ์ Bottom-Up และรักษาสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตภายใต้เงื่อนไขตลาดหุ้นเวียดนามยังเป็น frontier market (ตลาดหุ้นชายขอบ หรือตลาดหุ้นของประเทศที่เพิ่งจะพัฒนา) ที่มีความผันผวนได้สูง โดยการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามควรจัดอยู่ในการลงทุนบน Opportunistic Portfolio ซึ่งเป็นพอร์ตส่วนเพิ่มเติมและเป็นการลงทุนตามสถานการณ์ โดย Opportunistic Portfolio คิดเป็น 20% - 40% ของพอร์ตทั้งหมด โดยเนื่องจากการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามมีความผันผวนสูง เราจึงแนะนำลงทุนในสัดส่วนตามระดับความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้ ในกรณีที่เกิดผลลบไม่เป็นไปตามคาดหวังก็จะไม่ส่งผลกระทบมาก ต่อ Core Portfolio ซึ่งเป็นพอร์ตลงทุนแกนกลาง สำหรับการลงทุนระยะยาว
SCB CIO views Vietnam's stock market poised for recovery, suggests gradual investment with low valuation and emerging market potential
SCB CIO foresees Vietnam's economy continuing its upward trajectory this year driven by three key factors: export sector recovery, increasing foreign investment, and robust domestic consumption. Supported by monetary and fiscal easing measures, the government targets GDP growth of 6.0 - 6.5%. SCB CIO has shifted his stance on Vietnam's stock market from Neutral to Slightly Positive, advising gradual investment as listed companies' profits rebound and the market eyes an emerging market status. Due to high volatility, investments should be managed within an Opportunistic Portfolio, aligning with individual risk tolerance levels.
Dr. Kampon Adireksombat, First Senior Vice President and Team Head of the CIO Office at Siam Commercial Bank (SCBCIO), has forecasted that in 2024, Vietnam's economy will likely experience growth, propelled by the export sector and sustained foreign direct investment (FDI). The Vietnamese government has set ambitious targets for GDP growth, aiming for 6.0% - 6.5%, while also aiming to keep inflation within the range of 4.0% - 4.5%. SCB CIO anticipates three key factors driving the Vietnamese economy this year: 1) the recovery of the export sector; 2) the expected rise in FDI, alongside potential measures from Vietnamese authorities to assist companies following the implementation of the Global Minimum Tax (GMT), easing concerns among foreign companies; and 3) a probable uptick in domestic consumption, bolstered by monetary and fiscal easing measures, which are crucial for sustaining continuous growth in the Vietnamese economy.
While the real estate sector has displayed signs of gradual recovery, there remains a risk of bond payment defaults. However, after the government introduced various support measures—such as reducing the policy interest rate and allowing a two-year deferral for real estate debenture repayments—SCB CIO believes that the sector has likely surpassed its lowest point. Moreover, the passage of the Land Law draft by the Vietnamese legislature on January 18, 2024, ahead of market expectations for June 2024, is anticipated to further bolster the sector. This draft law, effective from January 1, 2025, will empower real estate developers to negotiate land purchase prices directly with landowners, eliminating the need for official price determinations, and thereby fostering a conducive environment for robust growth in Vietnam's real estate sector.
In terms of the banking sector, it stands to benefit from the economy's return to an upward trajectory. The State Bank of Vietnam (SBV) has set a loan growth target of 15% for the year, signaling confidence in the economic outlook. Despite the relatively high proportion of non-performing loans (NPL), the peak for the formation of stage 2 loans—those showing early signs of repayment weakness but not yet classified as NPLs—is likely to have passed. Consequently, provisions for the next period are anticipated to decrease, thereby supporting banks' operational performance in the upcoming period.
Dr. Kampon further indicated that SCB CIO has adjusted its view of the Vietnamese stock market from Neutral to Slightly Positive. This adjustment is due to the observed upward trend in the profitability of listed companies, which is expected to continue as exports recover and FDI continues to improve. Additionally, the gradual recovery of the real estate sector, coupled with the government's passage of the Land Law bill to enhance liquidity for real estate, has contributed to this adjustment. Moreover, the valuation of the Vietnam stock market presents an interesting opportunity, with the price-to-earnings multiple (P/E) currently trading at 10.1x, lower than the 5-year average by approximately -1 standard deviation. Furthermore, there exists the potential for the Vietnamese stock market to be upgraded to an emerging market status and included in the calculation of the FTSE index. The cancellation of the pre-funding system, which currently mandates foreign investors to hold 100% of the trading value in cash one day before completing a transaction, would enhance the likelihood of inclusion in the FTSE Emerging Market Index by 2024.
SCB CIO suggests considering investment in the Vietnamese stock market via funds employing a Bottom-Up strategy, while maintaining a cautious approach regarding portfolio allocation. Given the current classification of the Vietnam stock market as still relatively marginal or that of a newly developed country characterized by high volatility, investments in this market should be designated as part of an Opportunistic Portfolio—an additional portfolio tailored to prevailing market conditions. This Opportunistic Portfolio is typically allocated between 20% to 40% of the total investment portfolio. This allocation strategy accounts for the inherent volatility of the Vietnamese stock market, allowing investors to adjust proportions based on their risk tolerance levels. By segregating investments in this manner, any adverse outcomes in the Vietnamese stock market are less likely to significantly impact the Core Portfolio, which constitutes the primary long-term investment portfolio.
SAENGSIRI NATEUMPORN
VP, Manager, Public Relations
Strategic Marketing Communication and Public Relation Division
Siam Commercial Bank Public Company Limited
Tel : 027956136 Mobile : 0820822121 email : saengsiri.nateumporn@scb.co.th
No comments