Header Ads

กลุ่มบริษัทศรีตรัง ประกาศความพร้อมเปิดตัว ยางมีพิกัด (GPS) สร้างมิติใหม่สู่ความยังยืน รู้แหล่งที่มายาง ตอบรับทุกมาตรการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceable) ตลาดทั่วโลก พร้อมรับมาตรการ EUDR


กลุ่มบริษัทศรีตรัง เปิดตัว ยางมีพิกัด หรือ ยาง GPS สามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยางได้ (Traceability) 100% ประกาศความพร้อมตอบรับมาตรการตรวจสอบจากทั่วโลก รวมถึงทวีปยุโรปที่เตรียมบังคับใช้กฎหมาย สินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EUDR) ภายในสิ้นปีนี้ คือเป็นการสร้างมิติใหม่สู่ความยั่งยืนและสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันแก่อุตสาหกรรมยางพาราไทย ขณะที่ผู้บริหารมองภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติปี 2567 จะเติบโตจากดีมานด์ฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัว วางเป้าหมายปริมาณขายยางรวมในปีนี้ 1.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15%

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ผู้นำธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นำทัพเปิดตัว ยางมีพิกัด หรือ ยาง GPS ร่วมกับผู้บริหารและพนักงานกลุ่มบริษัทศรีตรังทั้ง 26 สาขาในประเทศไทย และบริษัทย่อย 2 แห่ง ในอินโดนีเซีย ผ่านระบบออนไลน์ โดยมีนายณกรณ์ ตรรถวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ร่วมอัพเดต สถานการณ์กฎระเบียบ EUDR พร้อมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับยางมีพิกัด (GPS) จะส่งผลอย่างไรต่อจุดสาหกรรมยางพาราไทยและ กฎระเบียบ EUDR ให้แก่เกษตรกรและผู้ค้ายางพาราได้ร่วมรับฟังผ่านช่องทางออนไลน์และภายในโรงงาน เพื่อมุ่งสร้างความ ร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราไทยในทุกภาคส่วน


นายวีรสิทธิ์ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทศรีตรังได้เปิดตัว ยางมีพิกัด (GPS) เพื่อแสดงความพร้อมตอบรับมาตรการหรือกฎหมายจากทั่วโลกที่ต้องการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยางธรรมชาติที่จำหน่าย และแสดงจุดยืนในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีความพร้อมรองรับการบังคับใช้กฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ ทำลายป่าของยุโรป หรือ EU Deforestation Regulation (EUDR) ที่คาดว่าจะเริ่มมีผลบังคับใช้ก่อนเป็นภูมิภาคแรกภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากยางธรรมชาติไปยุโรป ต้องผ่านการตรวจสอบแหล่งที่มา เพื่อยืนยันว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าและบุกรุกป่าสงวน

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทศรีตรังพร้อมส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศไทยในระดับสากล ให้มีระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) แหล่งที่มาของยางได้ 100% เพื่อเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมยางพาราไทยให้อยู่เหนือมาตรฐานประเทศอื่นๆ และเป็นโอกาสที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่ง สร้างความได้เปรียบทางการค้าของไทย ไปจนถึงโอกาสในด้านราคายางที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยถือว่ามีโอกาสและความได้เปรียบกว่าประเทศอื่น ๆ จากหน่วยงานการยางแห่งประเทศไทย ที่ช่วยดูแลและส่งเสริมอุตสาหกรรมยางพาราไทยมาโดยตลอด ดังนั้น ยางมีพิกัด (GPS) จะเป็นอีกหนึ่งกุญแจที่ช่วยผลักดันทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ซึ่ง ยางมีพิกัด จะไม่ได้แต่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตลาดในยุโรปเท่านั้น แต่ ยางมีพิกัด จะสามารถตอบโจทย์ในตลาดทั่วโลกได้


นางสาวปภาวี ศรีสุทธิพงศ์ Business Development and Partnership Manager บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ยางมีพิกัด (GPS) คือยางธรรมชาติ เช่น ยางก้อนถ้วย, น้ำยางสด, ยางแผ่น เป็นต้น ที่สามารถระบุหรือ ตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาของยางได้ว่ามาจากพื้นที่ส่วนไหน ของไคร ซึ่งต้องเป็นส่วนที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีเป้าหมายจำนวนเกษตรกรและผู้ค้ายางที่จะทำยางมีพิกัดกับศรีตรัง จำนวน 100,000 ราย ภายในสิ้นปี 2567 และขยายเพิ่มขึ้นเป็น 220,000 ราย ภายในสิ้นปี 2568

ทั้งนี้ ยางมีพิกัด (GPS) จะช่วยส่งเสริมให้ Sri Trang Ecosystem มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น และถือเป็นการตอกย้ำถึง กระบวนการทำงานของศรีตรังที่มีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ ของ กลุ่มบริษัทศรีตรัง อาทิ แอปพลิเคชัน Sri Trang Friends, แอปพลิเคชัน Sri Trang Friends Station, บริการ Super Driver และ ระบบ Smart factory ที่ช่วยทรานส์ฟอร์มกระบวนการรับซื้อยางสู่ดิจิทัล เชื่อมโยงผู้ที่อยู่ในระบบนิเวศ ได้แก่ ชาวสวนยาง, ผู้ค้ายาง, ผู้ขนส่งยาง, ชุมชน, คู่ค้า และผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมยาง ซึ่งจะสร้างมิติใหม่แก่อุตสาหกรรมยางพาราของประเทศไทย และการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยางพาราในตลาดโลก


นายวีรสิทธิ์ กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติปี 2567 รัง มีแนวโน้มเติบโตจากปีก่อน โดยมีปัจจัยส่งเสริมจาก ดีมานด์ยางในยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่เริ่มฟื้นตัว จากการที่ลูกค้าได้ระบายสินค้าคงคลังจนกลับมาอยู่ในระดับปกติ ประกอบกับความกังวลต่อปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีผลให้ฝนตกลดองและกระทบต่อผลผลิตยางที่ออกสู่ตลาด นอกจากนี้ หากสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศจีนเริ่มฟื้นตัวก็จะเป็นปัจจังที่ส่งผลดีต่อภาพรวมดีมานด์อุตสาหกรรมกางธรรมชาติ เนื่องจากจีนเป็นผู้บริโภคยางรายใหญ่ของโดก ขณะที่สถานการณ์ราคายางธรรมชาติริ่มทยอยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยราคาเฉลี่ยยาง TSR 20 ณ ตลาด SICOM ในเดือนมกราคม-เดือนกุมภาพันธ์ 2567 อยู่ที่ 152.7-155.1 เซนต์ต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากจากราคาเฉลี่ยเดือนธันวาคมอยู่ที่ 145.4 เซนต์ต่อกิโลกรัม หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นราว 5-7%

ทั้งนี้ บริษัทฯ รามบ้าหมายปริมาณการขายยางทุกประเภทในปี 2567 รวมทั้งสิ้น 1.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายรวม 1.3 ล้านต้น โดยมุ่งเน้นการบริหารสต๊อกยางพาราให้สอดคล้องกับความต้องการ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยนำเทคโนโลยีระบบ Automation เข้ามาใช้ภายในโรงงานเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมุ่งขยายธุรกิจให้เติบโต มีการขยายกำลังการผคิดในไทย และเปิดศูนย์รับซื้อวัตถุดิบที่ประเทศไอวอรี่โคสต์ ในแถามเอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเติบโตของผลผลิตยางพารา พร้อมกับการเตรียมความพร้อมเรื่องการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) แบบรอบด้านทุกส่วน สำหรับรองรับ EUDR หรือกฎมาตรการอื่น ๆ ของตลาดทั่วโลก ทั้งนี้การดำเนินการด้านความยั่งยืนถือเป็น DNA ของเรา อีกทั้ง บริษัทฯ เป็น Growth Company ที่ไม่หยุดพัฒนาและพร้อมปรับตัวเสมอ เพื่อครอง ความเป็น ผู้นำองค์กรแห่งยางสีเขียวแบบครบวงจรอย่างยั่งยืน ตลอดไป

No comments

Powered by Blogger.