บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ เจาะแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและไทยไตรมาสสุดท้ายปี 2567 และ 2568 ชี้เศรษฐกิจและการลงทุนกำลังเปลี่ยนผ่านเข้ายุคใหม่ แนะนำลงทุนด้วยความระมัดระวัง
วิศกรณ์ คีรีวรรณ | สิทธิชัย ดวงรัตนฉายา | สุกิจ อุดมศิริกุล | สุทธิชัย คุ้มวรชัย | ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์
บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ เรือธงด้านการลงทุนภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกและการลงทุนไตรมาส 4 ปี 2567 ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุคที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตดีเกินคาด อัตราเงินเฟ้อสูง นโยบายการเงินเข้มงวด อัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับสูง เข้าสู่ยุคที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มกลับมาชะลอตัวรอบใหม่ อัตราดอกเบี้ยเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลงถึงปี 2568 รวมถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐฯ ที่ต้องจับตาในปี 2568 หลังทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือน พ.ย. 2567 นี้ ด้วยสภาพดังกล่าวมีโอกาสส่งผลให้ตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (DM) มีความผันผวนได้ อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลง และ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีโอกาสช่วยหนุนความน่าสนใจของตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมถึงตลาดหุ้นไทย ที่ยังได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัวดีในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการ Digital Wallet เฟส 1 ที่จะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ส่งผลให้คาดว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้า ประเมินเป้าหมาย SET Index อยู่ที่ 1,500 จุด ภายในสิ้นไตรมาส 4 ปี 2567 และ 1,550 จุด ในปี 2568 หุ้นเด่น ได้แก่ BDMS CPALL GPSC HANA และ LHHOTEL
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า "ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ประกอบด้วย 1) ทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าจะยังคงขยายตัวได้และไม่เกิดภาวะถดถอย ตามที่ตลาดกำลังคาดการณ์หรือไม่ 2) ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจและการเมืองโลก เนื่องจากแนวนโยบายของทั้ง 2 พรรคแตกต่างกัน 3) ทิศทางธุรกิจเทคโนโลยีว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้ต่อเนื่องหรือไม่ และ 4) นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในด้านอื่นๆ ต่อจาก Digital wallet คืออะไร ทั้งนี้ มีความเห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในช่วง เดือน ส.ค - ก.ย.เนื่องจาก "วิกฤตความเชื่อมั่นคลี่คลาย" ส่งผลให้ราคาหุ้นกลับไปสะท้อนปัจจัยพื้นฐาน เห็นได้จากมูลค่าการซื้อขายต่อวันเพิ่มขึ้นกว่า 30% จากค่าเฉลี่ย 8 เดือนของปี 2567 นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิต่อเนื่อง และทำให้ตลาดหุ้นไทยมีผลตอบแทนที่ใกล้เคียงตลาดหุ้นเพื่อนบ้านมากขึ้น"
นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า "เศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวได้ดี แม้ในระยะถัดไปประเทศหลักจะเริ่มชะลอลงในลักษณะ soft-landing การลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้ธนาคารกลางอื่นๆ เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยตาม ช่วยหนุนความน่าสนใจของตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมถึงประเทศไทย ด้านอัตราเงินเฟ้อยังชะลอตัว เมื่อมองไปข้างหน้าเงินเฟ้อที่มาจากราคาพลังงานมีแนวโน้มลดลงได้ต่อ จากตลาดน้ำมันที่เริ่มกำลังพลิกเข้าสู่ภาวะอุปทานส่วนเกินจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว และอุปทานที่เพิ่มต่อเนื่อง ทั้งนี้แนะนำให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจและการจ้างงานสหรัฐฯ หลังการลดดอกเบี้ย เศรษฐกิจของจีนที่อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายของทางการที่ 5% การเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกและการเมืองระหว่างประเทศ สำหรับในประเทศไทยติดตามมาตรการของรัฐบาลใหม่ รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะเป็นตัวกำหนดความเคลื่อนไหวของ SET Index ในระยะถัดไป"
ด้าน ดร. ปิยศักดิ์ มานะสันต์ หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า "ในไตรมาส 4 ปี 2567 เศรษฐกิจ ดอกเบี้ย และการเมืองโลกจะเข้าสู่ยุคใหม่ โดยเศรษฐกิจหลักจะชะลอตัวลง โดยเฉพาะภาคการผลิต ดอกเบี้ยจะเข้าสู่ยุควัฏจักรขาลง หลังจากเฟดลดดอกเบี้ยเชิงรุก ขณะที่การเมืองโลกจะเปลี่ยนแปลงและผันผวน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่ผู้สมัครประธานาธิบดีทั้ง 2 ฝั่งมีนโยบายเศรษฐกิจต่างกัน ในส่วนของทิศทางเศรษฐกิจโลกนั้น เศรษฐกิจยุโรปจะขยายตัว 0.8% ในปีนี้ น้อยกว่าสหรัฐฯ ที่ขยายตัว 2.3% เศรษฐกิจจีนจะชะลอลงสู่ 4.8% และญี่ปุ่นจะชะลอลงสู่ 0.0% ด้านเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกชะลอลงจากปัจจัยการเมืองและนโยบายการเงินการคลังตึงตัว อย่างไรก็ตามการที่รัฐบาลสามารถผลักดันนโยบาย Digital Wallet ได้สำเร็จ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 4 โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% ขณะที่ทั้งปี 2567 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.5% ด้านคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสลดดอกเบี้ย 1.0% ในปี 2567 และ 2568 เพื่อสนับสนุนการเติบโต นอกจากนั้นการลดดอกเบี้ยจะช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทด้วยเช่นกัน"
ขณะที่ นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักกลยุทธ์อาวุโสตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เผยถึง "กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 4 ปี 2567 คาดว่าตลาดจะมีความผันผวนสูงจากปัจจัยกดดันจากภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่โพลสำรวจยังค่อนข้างสูสี ขณะที่นโยบายของผู้สมัครทั้ง 2 ฝ่าย มีความแตกต่างกันอย่างมาก อย่างไรก็ตามการลดดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลดีต่อตลาดเกิดใหม่ (EM) ที่เศรษฐกิจยังคงเติบโตดีเมื่อเทียบกับตลาดพัฒนาแล้ว (DM) ส่วนดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะช่วยหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ (EM) และประเทศไทย ด้านปัจจัยในประเทศยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการออกนโยบายเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของรัฐบาลใหม่ ทำให้ SET Index ยังจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ท่ามกลางความผันผวน ประเมินเป้าหมาย SET Index จะปรับตัวขึ้นและแตะระดับ 1,500 จุดภายในสิ้นปี 2567 และ 1,550 จุดในปี 2568 ชี้เป้าหุ้นเด่น เน้นโฟกัสบริษัทที่ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัวด้วยแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และได้ประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ BDMS CPALL GPSC HANA และ LHHOTEL"
"ในขณะที่หุ้นต่างประเทศภายหลังจากเฟดมีการปรับลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยลดทอนผลกระทบจากเศรษฐกิจและการจ้างงานที่เริ่มชะลอตัวในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังคงมีความน่าสนใจ โดยหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากภาวะดอกเบี้ยขาลง ได้แก่ กลุ่มซ่อมแซมตกแต่งบ้าน (HD, LOW) กลุ่มพลังงานสะอาด (FSLR, ENPH ) หุ้นที่มี Valuation ไม่แพงและปันผลสูง (VZ, PFE, F, TGT) หุ้นเทคโนโลยีที่ผลประกอบการยังมีแนวโน้มดี (MSFT, AMD, CRM, PANW, NVDA) นอกจากตลาดสหรัฐเรามองว่าการลงทุนต้องเน้นเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดีมากกว่าประเด็นความถูกของการประเมินมูลค่าหุ้น โดยในตลาดยุโรปเรามองหุ้นที่เน้นไปยังพลังงานสะอาดและได้ Sentiment จากดอกเบี้ยขาลงอย่าง Iberdrola และ Enel ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีเน้นไปที่กลุ่มที่อิงกับอุตสาหกรรมยานยนต์น้อยอย่าง ASML, SAP ในขณะที่ตลาดหุ้นจีนให้เน้นไปที่โครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมใหม่อย่าง China Mobile, CATL, CRRC, SMIC และหุ้นที่มีพื้นฐานดีและผันแปรจากปัจจัยภายนอกน้อยอย่าง BYD, Luxshare, Tencent, Trip.com, Xiaomi นอกจากนั้นหุ้นในตลาดเอเชียที่มีอัตราการเติบโตดีได้แก่ FPT, Hon Hai, Infosys, MediaTek, SK Hynix, TSMC"
นายวิศกรณ์ คีรีวรรณ, CFA, ผู้อำนวยการ Investment Strategist ฝ่าย Wealth Products & Strategy บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวทิ้งท้ายว่า "สถานการณ์การลงทุนในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 นั้นเต็มไปด้วยความผันผวนและคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในไตรมาสสุดท้ายของปี ไปจนกว่าเหตุการณ์สำคัญ 3 เหตุการณ์จะสิ้นสุดลง ได้แก่ 1. ผลกระทบของการลดดอกเบี้ยเฟดในครั้งแรก 2. ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 3. การปรับลดมุมมองความคาดหวังด้านการเติบโตในหุ้นขนาดใหญ่"
"InnovestX ยังคงมุมมองภาพการเกิด Soft-landing อันสะท้อนผ่านการชะลอตัวของเงินเฟ้อและการจ้างงานของสหรัฐฯ ในขณะที่การเติบโตของ GDP สหรัฐฯ นั้นยังคงขยายตัวได้ในระดับที่เหนือกว่าการเติบโตในระยะยาวที่ 1.8% เราประเมินว่าตลาดหุ้นโลกโดยรวมจะผันผวนในช่วงครึ่งแรกของไตรมาสที่ 4 และจะเริ่มฟื้นตัวได้หลังการเลือกตั้งจบลง เราจึงแนะนำให้นักลงทุนลดสัดส่วนการถือครองการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่สหรัฐฯ ลง ตลอดจนหุ้นไทยที่ฟื้นตัวขึ้นมารับข่าวการเมืองในระยะสั้น และกระจายการลงทุนใน US Small Cap Value เพิ่มเติมสำหรับรองรับการลดดอกเบี้ยและการเลือกตั้งที่จะมาถึง รวมถึงปรับมุมมองเพิ่มในตราสารหนี้ที่มีทิศทางการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้และปีหน้าที่ชัดเจนมากขึ้น โดย InnovestX กลับมาเพิ่มสัดส่วนเงินสดในระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบปี เพื่อสำรองสภาพคล่องสำหรับการลงทุนใหม่ที่จะมาถึง ด้วยธีมการลงทุนดังกล่าวเราจึงขมวดมุมมอง Soft-landing , Neutralize Political Risk และ Rate cut cycle ผ่านกองทุน ASP-USSMALL ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ คุณภาพขนาดเล็ก , กองทุนเวียดนาม PRINCIPAL VNEQ-A เพื่อรับประโยชน์กรณีสงครามการค้ารุนแรงขึ้น และกองทุนทองคำ BGOLD เพื่อรับการขาดดุลการคลังสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงต่อจากนี้"
สำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุน สามารถติดตามบทวิเคราะห์ และกลยุทธ์การลงทุนจาก InnovestX ที่ครอบคลุมหลากหลายกลยุทธ์ ทั้งระยะสั้น ระยะยาว นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ตามกลยุทธ์ของตนเอง โดยติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่ www.innovestx.co.th/cafeinvest และ Facebook: InnovestX
*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
#InnovestX #InnovestXResearch #จักรวาลการลงทุนในมือคุณ
InnovestX Securities Analyzes Global and Thai Economic Trends for Q4 2024 and 2025. Signals Transition to a New Economic Era, Recommends Cautious Investment. Approach SET Index expected to reach 1,500 points by the end of 2024 and 1,550 points in 2025.
Visakorn Kirivan | Sitthichai Duangrattanachaya | Sukit Udomsirikul | Sutthichai Kumworachai | Dr. Piyasak Manason
InnovestX Securities Co., Ltd., the financial investment flagship of the SCBX Group, has assessed the global economic and investment landscape for the fourth quarter of 2024. The company notes that this period represents a critical transition from an era marked by robust US economic growth, high inflation, and tight monetary policies, with interest rates remaining elevated, into a new phase where the US economy is expected to slow down. Interest rates are projected to begin a downward trend through 2025, with key focus on US economic and political policies following the November 2024 presidential election. This environment could lead to heightened volatility in global financial markets, particularly in developed markets (DM). However, the declining U.S. bond yields and the weakening U.S. dollar are expected to bolster the appeal of emerging market (EM) equities, including the Thai stock market. The Thai economy is poised to recover in Q4 2024, aided by the implementation of the first phase of the Digital Wallet initiative, which is set to stimulate domestic consumption.As a result, the investment climate in the Thai stock market is anticipated to improve compared to previous quarters. InnovestX projects that the SET Index will reach 1,500 points by the end of Q4 2024 and rise to 1,550 points in 2025. Key stock picks include BDMS, CPALL, GPSC, HANA, and LHHOTEL.
Mr. Sukit Udomsirikul, Chief Research Officer at InnovestX Securities, stated, "Key factors to watch in Q4 2024 include: 1) Whether the US economy will continue to expand without entering a recession, as the market expects; 2) The outcome of the US presidential election, which will have lasting effects on both the global economy and politics due to the differing policies of the two parties; 3) The direction of the technology sector and its ability to maintain growth; and 4) Further economic stimulus measures in Thailand beyond the Digital Wallet initiative. He added, "The recovery in the Thai stock market during August and September can be attributed to a resolution of the 'confidence crisis,' which has caused stock prices to once again reflect fundamentals. This is evident from the more than 30% increase in daily trading volumes compared to the eight-month average in 2024. Foreign investors have resumed net buying, bringing the Thai stock market's performance closer to that of its regional peers."
Mr. Sutthichai Kumworachai, Head of Investment Strategy at InnovestX Securities, stated, "The global economy continues to expand steadily, though major economies are beginning to slow in a soft-landing scenario. The Federal Reserve's rate cuts are likely to prompt other central banks to follow suit, enhancing the appeal of emerging markets (EM), including Thailand. Inflation is easing, with energy prices expected to decline further due to a shift in the oil market towards oversupply as demand slows and supply increases. Recommendations include closely monitoring US economic and employment data following the interest rate cut, China's economy, which may miss its 5% growth target, and the US election, which will impact global economic and geopolitical dynamics. In Thailand, a focus on new government policies and corporate earnings is advised, as both will influence the movement of the SET Index in the near future.
Dr. Piyasak Manason, Head of Economic Research at InnovestX Securities, commented,"In Q4 2024, the global economy, interest rates, and politics will enter a new era. Major economies are expected to slow down, especially in the manufacturing sector. Interest rates will begin a downward cycle following proactive rate cuts by the Federal Reserve, while global political dynamics will shift and become more volatile, particularly in the US., where the two presidential candidates have starkly different economic policies. Globally, Europe's economy is projected to grow by 0.8% this year, slower than the US. at 2.3%, while China will see a slowdown to 4.8%, and Japan's growth will decline to 0.0%. In Thailand, the economy slowed in the first half of the year due to political factors and tight fiscal and monetary policies. However, with the successful implementation of the Digital Wallet initiative, Thailand's economy is likely to recover in Q4, with expected growth of 3.5%. For the full year 2024, growth is anticipated at 2.5%. There is also the possibility that the Monetary Policy Committee (MPC) will cut interest rates by 1.0% in 2024."
Mr. Sitthichai Duangrattanachaya, Senior Global Equity Strategist at InnovestX Securities, stated, "In Q4 2024, we expect significant market volatility, largely driven by external factors, especially the US presidential election, where the polls remain close, and the candidates' economic policies differ greatly. However, the Federal Reserve's interest rate cuts will positively impact emerging markets (EM), where economies are growing faster compared to developed markets (DM). The weakening US dollar will further attract capital inflows into emerging markets, including Thailand. Domestically, new government policies to stimulate the economy and restore confidence will support the continued rise of the SET Index. We project the SET Index will reach 1,500 points by the end of 2024 and 1,550 points in 2025. Our top stock picks focus on companies with strong recovery potential, benefiting from domestic consumption and economic stimulus measures, as well as interest rate cuts. These include BDMS, CPALL, GPSC, HANA, and LHHOTEL."
"Following the Federal Reserve's interest rate cuts, aimed at mitigating the impacts of a slowing economy and weakening employment, the global economy has not yet entered a recession. Risk assets remain attractive. Stocks benefiting from lower interest rates include home improvement retailers (HD, LOW), clean energy companies (FSLR, ENPH), and those with low valuations and high dividends (VZ, PFE, F, TGT). Technology stocks with strong earnings potential (MSFT, AMD, CRM, PANW, NVDA) are also appealing. Beyond the US, we recommend focusing on stocks with strong fundamentals, rather than relying solely on low valuations. In Europe, clean energy stocks like Iberdrola and Enel are expected to benefit from declining interest rates. In the technology sector, we suggest companies with less exposure to the automotive industry, such as ASML and SAP. In China, we advise focusing on companies tied to new industrial infrastructure, including China Mobile, CATL, CRRC, and SMIC, as well as fundamentally strong stocks less affected by external factors, like BYD, Luxshare, Tencent, Trip.com, and Xiaomi. Meanwhile, in Asia, high-growth stocks such as FPT, Hon Hai, Infosys, MediaTek, SK Hynix, and TSMC remain attractive."
Mr. Visakorn Kirivan, CFA, an Investment Strategist of Wealth Products & Strategy department at InnovestX Securities, stated "The investment landscape in late Q3 has been highly volatile and is expected to increase further in the final quarter of the year, until three major events conclude: 1. The impact of the first Federal Reserve interest rate cut, 2. The outcome of the US presidential election, and 3. The downward revision of growth expectations for large-cap stocks."
"InnovestX maintains the view of a soft landing, as reflected by the slowdown in US inflation and employment, while US GDP growth remains above its long-term average of 1.8%. We expect global equity markets to remain volatile in the first half of Q4 but to recover after the US election. We recommend that investors reduce their holdings in large-cap US stocks and Thai equities, which have risen on short-term political news, and diversify into U.S. small-cap value stocks to prepare for the upcoming rate cuts and elections. Additionally, we are shifting our view towards bonds, given the clearer outlook for Federal Reserve rate cuts this year and next. For the first time this year, InnovestX has increased its short-term cash allocation to preserve liquidity for future investment opportunities. Based on this investment theme, we emphasize the soft landing, neutralizing political risk, and the rate cut cycle through funds such as ASP-USSMALL, which focuses on high-quality U.S. small-cap stocks; PRINCIPAL VNEQ-A, a Vietnam fund to benefit from any escalation in trade wars; and BGOLD, a gold fund, to hedge against the upcoming US fiscal deficit."
For investors seeking investment opportunities, InnovestX offers a wide range of analysis and strategies for both short-term and long-term investments. Investors can choose strategies that best suit their preferences. For more information, visit www.innovestx.co.th/cafeinvest and follow us on Facebook: InnovestX.
#InnovestX #InnovestXResearch #InvestmentUniverseInYourHands
No comments